สรรพคุณทางยาของ ‘‘เห็ด 7 ชนิด’’

สรรพคุณทางยางของเห็ดแต่ละชนิด

ประโยชน์ทางยาของเห็ด 7 ชนิด มีดังนี้
น่าอิจฉาคนที่เพาะเห็ดจังเลยนะครับ เพราะถึงอย่างไรคนที่เพาะเห็ดขาย หรือจะเพาะไว้รับประทานในครอบครัว ก็ต้องมีโอกาสรับประทานเห็ดที่ตัวเองเพาะเอาไว้อยู่แล้ว นอกจากจะเป็นอาหารมังสวิรัติที่ไม่ต้องเบียดเบียนชีวิตแล้ว ยังได้รับประโยชน์ทางยาแบบคาดไม่ถึงอีกด้วย..ลองศึกษาดูสรรพคุณทางยาของเห็ด 7 ชนิด ที่ผมหาข้อมูลมากฝากกันในบทความนี้ดูครับ
เห็ดหลินจือ
1. เห็ดหลินจือ จะมีสารสำคัญ เช่น เบต้ากลูแคน ซึ่งสารที่ว่านี้จะมีคุณสมบัติช่วยในการต้านมะเร็ง ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงนิยมใช้เห็ดหลินจือควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็ง และโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูงเป็นต้น
เห็ดหูหนู
2. เห็ดหูหนู  จัดอยู่ในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวงทวารได้ โดยเฉพาะเห็ดหูหนูขาวจะช่วยบำรุงปอดและไตในร่างกายเราได้
เห็ดนางฟ้า
3. เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้าและเห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดสามอย่างนี้จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันครับ แถมยังเป็นเห็ดที่มีรสชาติอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์และผมก็ชอบมาก เพราะเป็นเห็ดที่มีสรรพคุณทางยาที่สามารถป้องกันโรคหวัด และช่วยการไหลเวียนของเลือด และรักษาโรคกระเพาะอาหารได้
เห็ดฟาง
4. เห็ดฟาง เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย เพราะสามารถเพาะได้แทบทั่วทุกภาคของเมืองไทย เป็นเห็ดที่ให้วิตามินซีสูงและมีกรดอะมิโนที่สำคัญอยู่หลายชนิด หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต และยังสามารถลดการติดเชื้อจากบาดแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นได้
เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง
5. เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง เป็นเห็ดที่มีลักษณะคล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ และเป็นเห็ดที่มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดชนิดนี้ จะไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (Aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในสตรีวัยหมดประจำเดือน  เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการลดการก่อตัวหรือการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย
เห็ดโคน
6. เห็ดโคน มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิดแก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ จากผลงานวิจัยทางด้านเภสัชศาสตร์พบว่า สารที่สกัดได้จากเห็ดโคน สามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่นเชื้อไทฟอยด์ได้
เห็ดเข็มทอง
7.เห็ดเข็มทอง เป็นเห็ดที่มีลักษณะดอกเล็กๆขึ้นอยู่เป็นกลุ่มติดกัน มีรสชาติเหนียวนุ่ม นิยมนำมารับประทานแบบสดๆกับสลัด หรือถ้าชอบสุกก็นำไปย่างไฟถ่านอ่อนๆ หรือไม่ก็ผัดหรือลวกแบบสุกี้ก็อร่อยไม่แพ้กัน หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ โรคกระเพาะอาหาร และรักษาลำไส้อักเสบเรื้อรังได้

เมื่อได้รู้สรรพคุณของเห็ดแต่ละชนิดทั้งหมดแล้ว ก่อนอื่นผมขอโทรสั่งจองก้อนเห็ดไว้รับประทานในครอบครัวสัก 10 ก้อนก่อนครับ เพราะช่วงนี้ย่างเข้าหน้าฝนพอดี เหมาะสำหรับเพาะเห็ดนางฟ้าที่สุด..เจอกันบทความหน้าครับ

สรรพคุณทางยาของเห็ดแต่ละชนิด

สรรพคุณทางยาของเห็ดแต่ละชนิด

ประโยชน์ทางยาที่ได้จากเห็ด

เห็ดแชมปิญองหรือเห็ดกระดุม
ชสำหรับเห็ดที่เราเห็นวางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปนั้น นอกจากจะเป็นอาหารที่เอร็ดอร่อยแล้ว ได้มีนักวิจัยอีกกลุ่มหนึ่งนิยมเอามาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (Lab) พบว่า เห็ดในแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถรักษาโรคต่างๆได้มากมาย เช่น เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้าเห็ดฟาง เห็ดโคน เห็ดหูหนู และ เห็ดหลินจือ เป็นต้น และยังมีผลงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าสารสกัดที่ได้จากเห็ดแชมปิญองหรือเห็ดกระดุม สามารถช่วยในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็ง และต้านทานมะเร็งได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับเห็ดชนิดอื่นๆโดยสารบางอย่างที่พบในเห็ดชนิดนี้ จะไปช่วยยับยั้งเอ็นไซม์ Aromatase ทำให้เกิดการยับยั้งการแปรฮอร์โมนแอนโดรเจนให้กลายเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน ในสตรีวัยหมดประจำเดือน และเมื่อร่างกายของคนเราผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง ก็เท่ากับว่าเป็นการลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย ส่วนประเทศญี่ปุ่นได้มีการทดลองนำเห็ดหอมมาสกัด พบว่าสารสกัดที่ได้จากเห็ดหอม จะให้น้ำตาลโมเลกุลขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า เบต้ากลูแคน ถึง 2 ชนิดได้แก่ Lentinan และ LEM (Lenti nula edodes mycelium) ซึ่งช่วยทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อ และชะลอการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งต่างๆได้ และยังได้มีการทดลองให้สาร Lentinan กับผู้ป่วยมะเร็งร่วมกับการทำเคมีบำบัดก็พบว่า ก้อนมะเร็งที่อยู่ในร่างกายของผู้ป่วยมีขนาดลดลง และอาการข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดก็เกิดขึ้นน้อยลงด้วย และความเชื่อของชาวจีนที่ว่า “เห็ดหอม” เป็นยาอายุวัฒนะนั้น ก็เพราะว่าสารสกัดที่มีอยู่ในเห็ดหอมจะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและสามารถต้านมะเร็งได้ด้วย และในเห็ดหอมยังมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 และบี 2 สูงพอๆกับยีสต์ มีวิตามินดีสูง ช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัดเป็นต้น ด้วยเหตุนี้ชาวจีนจึงนิยมบริโภคเห็ดหอมอย่างมาก และยกไห้เห็ดหอมเป็น “ยาอายุวัฒนะ” ชั้นเลิศอีกด้วยครับ

สรรพคุณทางยาของเห็ดนางฟ้า

เห็ดนางฟ้ามีประโยชน์มากกว่าที่คิด

เห็ดนางฟ้า
“เห็ดนางฟ้า” เป็นเห็ดที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูฝนหรือช่วงต้นฤดูหนาว สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตตั้งแต่ระยะเปิดดอกไปจนถึงสามารถเก็บขายหรือนำมารับประทานได้จะอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส ในระดับความชื้นสัมพัทธ์ (ความชื้นในอากาศ) อยู่ที่ 80-85 % ซึ่งในสภาวะเช่นนี้จะทำให้เห็ดนางฟ้ามีการเจริญเติบโตที่ดี
สรรพคุณทางยาของ "เห็ดนางฟ้า"
เห็ดนางฟ้า เป็นเห็ดที่มีลักษณะของดอกเห็ด ที่คล้ายๆกันกับเห็ดนางรมและเห็ดเป๋าฮื้อ เพราะเป็นเห็ดที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่หมวกดอกของเห็ดนางฟ้าจะมีสีขาวนวลจนถึงน้ำตาลอ่อนและมีเนื้อหนา อีกทั้งเนื้อของเห็ดนางฟ้าจะแน่นกว่าเห็ดนางรมมาก มีขนาดดอกปานกลาง สามารถจำหน่ายทั้งแบบสด แถมยังสามารถนำไปแปรรูปได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นเห็ดที่มีมีวิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด และยังมีงานวิจัยพบว่า หากรับประทานเห็ดนางฟ้าเป็นประจำ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และสามารถลดการติดเชื้อต่างๆ ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก และลดอาการผื่นคันตามร่างกายได้ และที่สำคัญในเห็ดนางฟ้าจะมีสารที่มีชื่อว่า “อัลฟากลูแคน” ที่สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ และยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้ดีอีกด้วย
ข้อมูลทางโภชนาการของเห็ดนางฟ้า

ในเห็ดนางฟ้าปริมาณ 100 กรัม สามารถให้พลังงานได้ 35 กิโลแคลอรี ซึ่งจะประกอบไปด้วย โปรตีน 2.3 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม และไนอะซิน 2.5 มิลลิกรัม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับประทานเห็ดนางฟ้าแบบสด ๆ นะครับ เพราะในเห็ดชนิดนี้จะมีสารบางตัวที่คอยยับยั้งการดูดซึมอาหาร ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นผลดีต่อร่างกายเท่าไรนักครับ

เห็ดนางฟ้ารักษามะเร็งได้

อิสราเอลการันตี “เห็ดนางฟ้า” รักษามะเร็งได้

เห็ดนางฟ้า
ข่าวดี ! สำหรับเกษตรกรผู้เพาะเห็ดนางฟ้า เพราะได้มีนักวิจัยจากประเทศอิสราเอล ได้ค้นพบสารสกัดที่ได้จากเห็ดนางฟ้า ที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในห้อง Lab ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ และกำลังเตรียมหาทุนทำวิจัยเพื่อรักษาเซลล์มะเร็งในมนุษย์ให้ได้...อันนี้ต้องลุ้นต่อไปครับ

สำหรับผลงานวิจัยชิ้นโบว์แดงที่ว่านี้เป็นของ ศาสตราจารย์เบ็ตตี ชวอร์ทซ์ (Betty Schwartz) นักวิจัยจากสถาบันชีวเคมี แห่งมหาวิทยาลัยฮิบรู กรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล โดยท่านได้นำสารสกัดเคมีที่มีชื่อว่า อัลฟากลูแคน ที่สกัดได้จากเห็ดนางฟ้า และได้นำมาทดลองใช้กับเซลล์หนู และเซลล์ของมนุษย์ภายในห้อง Lab จนกระทั่งพบว่ามันสามารถทำให้โมเลกุลของเซลล์มะเร็งจับตัวเป็นก้อนและตายในที่สุด อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้ผนึกตัวเองเข้ากับเส้นเลือดในลำไส้ได้ จึงทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้ และสารสกัดจากเห็ดนางฟ้าที่มีชื่อว่า “อัลฟากลูแคน” นี้ ยังช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีความสำคัญต่อกระบวนการเยียวยา ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายได้อีกด้วย และจากการทดลองนี้เอง ทำให้ศาสตราจารย์เบ็ตตี ชวอร์ทซ์ มีความมั่นใจว่า “เห็ดนางฟ้า” ที่หาหาซื้อได้ทั่วไปนี้ จะเป็นอาวุธสำคัญที่เราจะใช้ต่อสู้มะเร็งร้ายชนิดต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ และยังคาดหวังเอาไว้อีกว่า จะมีผู้สนับสนุนทางด้านเงินทุนให้เขาได้ทำการทำวิจัยและรักษามะเร็งอย่างจริงจัง เพราะในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งลำไส้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในปี 2551 ขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้มากถึง 1.23 ล้านคน และมีผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายดังกล่าวมากถึง 608,000 คน แต่สำหรับงานวิจัยนี้ ศาสตราจารย์คีท โจนส์ แห่งสถาบันวิจัยมะเร็งของประเทศอังกฤษ ก็ได้ออกมาเตือนว่า “อย่าได้ตั้งความหวังกับเห็ดนางฟ้ามากเกินไป” เพราะยังมีสารสกัดจากสมุนไพรทางธรรมชาติ และสารสกัดจากอาหารอีกมากมายหลายชนิด ที่นักวิจัยพบว่ามีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน แต่ยังอยู่ในขั้นศึกษาและทำการวิจัย คาดว่าคงจะใช้เวลาอีกนาน กว่าจะผลิตเป็นยารักษามะเร็งได้อย่างจริงจัง


ที่มา: http://www.krobkruakao.com/