รู้เพียง 5 ข้อนี้ จะทำให้การเพาะเห็ฟางจะเป็นเรื่องง่าย และมีเห็ดกินตลอด

 การเพาะเห็ดฟางตามวิถีพอเพียง ให้รู้เพียง 5 ข้อดี



1. ควรเลือกก้อนเชื้อเห็ดฟางที่มีคุณภาพ 

    หัวใจสำคัญในการเพาะเห็ดทุกชนิดคือการเลือกใช้ก้อนเชื้อที่มีคุณภาพและมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เรามีในพื้นที่ที่จะทำการเพาะเห็ด การเลือกก้อนเชื้อที่สมบูรณ์ (เส้นใยเดินเต็มก้อน) และไม่มีการปนเปื้อน จะช่วยให้เห็ดเจริญเติบโตดีและมีความสมบูรณ์ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยาวนาน

2. สถานที่เพาะเห็ดฟางควรมีแสงรำไร (ไม่โล่งแจ้ง)

    เห็ดเป็นพืชที่ต้องการแสงน้อยหรือแสงรำไร ดังนั้นเราควรเลือกสถานที่เพาะที่มีแสงน้อยหรือไม่โล่งแจ้ง เช่น ในห้องที่มีการกระจายแสงธรรมชาติน้อย ใต้ร่มไม้ที่มีแสงส่องผ่าน หรืออาจเพาะในโรงเรือนที่มีแสงส่องผ่านได้

3. ควรเลือกวัสดุเพาะที่มีไนโตรเจนและมีธาตุอาหารเสริม

    เห็ดเป็นเชื้อราที่ต้องการอาหารที่เหมาะสมเพื่อเจริญเติบโต การใช้วัสดุเพาะที่มีสารอาหารสำคัญเช่น ไนโตรเจนถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าวัสดุอย่างอื่น เช่น ฟางข้าว ต้นกล้วยหั่น หรือผักตบชวา จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดได้ดี และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

4. ควรให้อาหารเสริมที่เหมาะสม

    เห็ดเป็นเชื้อราที่ต้องการอาหารเสริมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นใย เพื่อรวมตัวเป็นดอกเห็ดให้เราได้เก็บมารับประทาน การให้อาหารเสริมที่เหมาะสม เช่น รำหยาบ รำละเอียด หรือปุ๋ยคอก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเห็ดให้มีผลผลิตสมบูรณ์มากขึ้นและเก็บได้ยาวนาน

5. มีการรักษาความชื้นอย่างต่อเนื่อง

   เห็ดเป็นเชื้อราที่มักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง การรักษาความชื้นให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเพาะเห็ด เราควรให้ความชื้นในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา เพื่อให้เห็ดเจริญเติบโตดีและมีคุณภาพ



ตัดทำสาวมะละกอช่วงไหนผลผลิตออกขายได้ราคาแพง


     บทความนี้จะมาติดตามผลมะละกอหลังตัดต้นทำสาวได้ราวๆ 3 เดือนก่อนอื่นผมมีภาพต้นมะละกอที่ตัดทำสาวให้ดู 3 ต้น

ต้นที่ 1
     มะละกอต้นที่ 1 ตัดทำสาวเดือนเมษายนกำลังติดผลเล็กๆ


ต้นที่ 2

     มะละกอต้นที่ 2 ตัดต้นทำสาวช่วงเดือนเดือนพฤษภาคมกำลังติดดอกแต่ยังไม่ติดผล


ต้นที่ 3

     มะละกอต้นที่ 3 ตัดต้นทำสาวช่วงเดือนมิถุนายนกำลังแตกกิ่งยังไม่ติดดอก

     ทั้งหมดนี้คือผลที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกล่าวคือมะละกอต้นที่ตัดทำสาวเดือนเมษายนจะให้ผลผลิตก่อนคือเริ่มติดผลเล็กๆซึ่งจะได้เก็บผลผลิตสุกในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตมะละกอยังออกสู่ท้องตลาดไม่มากจึงมีราคาแพง ส่วนต้นที่ตัดทำสาวช่วงเดือนพฤษภาคมก็จะให้ผลผลิตในช่วงเวลาถัดมาคือจะให้ผลผลิตในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเป็นช่วงที่มะละกอเริ่มออกสู่ท้องตลาดมากตามฤดูกาล เพราะฉะนั้นการตัดต้นทำสาวมะละกอควรรีบตัดช่วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน ไม่ควรเกินนี้ หลังตัดทำสาว 1 –2 เดือนมะละกอก็จะเริมติดดอกออกผลอย่างต่อเนื่องและจะให้ผลผลิตก่อนฤดูกาลซึ่งจะทำให้ขายได้ราคาที่สูงที่สำคัญกิ่งที่จะเอาไว้ไม่ควรเกิน 2 กิ่ง หรือ 3 กิ่งตามความสมบูรณ์ของต้น



     เคล็ดลับที่จะบอกอีกอย่างคือถ้าขายแบบคัดเกรดควรไว้แค่กิ่งเดียวเพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์ได้ผลเกรดเอได้น้ำหนัก/ผลสูงแต่ถ้าขายแบบรวมเกรดไม่เน้นน้ำหนักควรไว้ 2 ถึง 3 กิ่งก็ได้ แต่จากประสบการณ์ที่ผมได้ทดลองปลูกมะละกอมาก็หลายรุ่น การไว้กิ่งหลังตัดทำสาวไม่ควรไว้เกิน 2 กิ่ง เพราะผลผลิตจะโตอย่างต่อเนื่องน้ำหนักค่อนข้างคงที่เก็บผลผลิตได้ยาวนานกว่าการไว้ 3 – 4 กิ่ง หลังตัดต้นทำสาวก็ควรให้ปุ๋ยให้น้ำอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดถ้าเน้นปุ๋ยเคมีก็ให้ใช้สูตรตัวหน้าต่ำหลังสูงอย่างเช่นปุ๋ยสูตร 8-24-24 ไปตลอดฤดูกาลเพื่อสร้างดอกสร้างผลอย่างต่อเนื่องนะครับ


     แปลงที่เห็นจากภาพด้านบนนี้เป็นดินร่วนปนทรายเป็นแปลงที่ปลูกข้างห้วยดินมีธาตุอาหารสูงถือว่าสมบูรณ์ดีมากจึงไม่ค่อยได้ใส่ปุ๋ยสักเท่าไร

     สรุปช่วงเวลาตัดต้นทำสาวมะละกอที่ดีที่สุด เพื่อจะให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดก่อนใครขายได้ราคาแพงคือควรตัดช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนให้แล้วเสร็จไม่เกินนี้ และที่สำคัญควรให้น้ำอย่างต่อเนื่องให้ปุ๋ยอย่างต่อเนื่องถ้าดินขาดธาตุอาหารควรให้ทุก 15 วันหรือให้ปุ๋ยทุก 1 เดือนพิจารณาตามสภาพความสมบูรณ์ของพื้นที่ปลูกด้วยนะครับ.